ชนิดของผ้าใบ ความสำคัญของชั้นผ้าใบ และด้านล่างของสายพานที่เป็นผ้าใบ

ผ้าใบเป็นวัสดุที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในการผลิตสายพานลำเลียง ประเภทของผ้าใบที่ใช้ในสายพานลำเลียงมีผลกระทบอย่างมากต่อประสิทธิภาพ ความทนทาน และคุณภาพโดยรวมของสายพาน นอกจากนี้ จำนวนชั้นและประเภทของชั้นล่างที่ใช้ในสายพานผ้าใบยังมีบทบาทสำคัญในประสิทธิภาพของสายพานอีกด้วย

ชั้นผ้าใบในสายพานลำเลียง

ชั้นผ้าใบเป็นส่วนที่อยู่กึ่งกลางระหว่างผิวบนและผิวล่างของสายพาน ในสายพานบางประเภท ผิวล่างของสายพานจะเป็นผ้าใบ เนื่องจากผ้าใบจะสร้างความลื่น ลด Friction ในเครื่องลำเลียงที่เป็นแผ่นโลหะ ผ้าใบที่ใช้ในสายพานลำเลียงส่วนใหญ่คือผ้าใบโพลีเอสเตอร์ ซึ่งเป็นชนิดผ้าใบของสายพานลำเลียง Macbelt ผ้าใบโพลีเอสเตอร์เป็นที่รู้จักในด้านความต้านทานแรงดึงสูง ทำให้เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับสายพานที่ต้องการความแข็งแรงและความทนทานในระดับสูง ผ้าใบโพลีเอสเตอร์ยังทนทานต่อความร้อนและความชื้น จึงเหมาะสำหรับสายพานลำเลียงรองรับการใช้ในสภาพแวดล้อมที่รุนแรง

จำนวนชั้นของผ้าใบที่ใช้ในสายพานลำเลียงอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพเช่นกัน สายพานลำเลียงโดยทั่วไปมีตั้งแต่หนึ่งถึงห้าชั้นผ้าใบ โดยจำนวนชั้นที่เลือกขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์การใช้งานของสายพาน ยิ่งสายพานมีชั้นมากเท่าใดก็จะยิ่งแข็งแรงและทนทานมากขึ้นเท่านั้น

ความสำคัญของผ้าใบ

ความสำคัญของการเลือกประเภทผ้าใบที่เหมาะสมและชั้นล่างสำหรับสายพานลำเลียงไม่สามารถพูดเกินจริงได้ การเลือกผ้าใบหรือชั้นล่างผิดประเภทอาจนำไปสู่การสึกหรอก่อนเวลาอันควร อายุการใช้งานของสายพานลดลง และอุปกรณ์อาจเสียหายได้ ในทางกลับกัน การเลือกผ้าใบคุณภาพสูงและวัสดุชั้นล่างสามารถส่งผลให้สายพานลำเลียงมีความทนทาน มีประสิทธิภาพ และเชื่อถือได้

ในการอธิบายให้เข้าใจง่าย ความสำคัญของผ้าใบในสายพานลำเลียงเปรียบเสมือนกระดูกของเรา ซึ่งหน้าที่สำคัญก็คือ เป็นแกนเพื่อเพิ่มแรงดึงให้กับสายพาน (Tensile Strength) การรองรับแรงกระทำของน้ำหนักลงบนตัวสายพาน (Load) และสร้างความทนทานให้กับผิวสายพาน (Abrasive Resistance) ลองจินตนาการ เมื่อสายพานที่ไม่มีเส้นใยคอยค้ำ หากเกิดแรงดึงหรือกระแทกอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน สายพานจะเกิดการยืดและฉีกขาดได้ง่าย ซึ่งผ้าใบนับเป็นนวัตกรรมทางวิศวกรรมที่สร้างความแตกต่างให้กับสายพานและกระบวนการผลิตอย่างมาก

ประเภทของผ้าใบของสายพาน Macbelt

สายพานลำเลียง Macbelt หากสังเกตุที่รหัส SKU ของสินค้าของเรา จะประกอบไปด้วยตัว T หรือตัว M เช่น CB1UM01W หรือ CB2VT10W ซึ่งนั่นก็คือ Monofilament และ Multifilament ผ้าใบสองประเภทนี้มีความแตกต่างกันที่วิธีที่ถักทอและฟังก์ชั่นของผ้าใบ

ปกติโดยทั่วไปเมื่อสายพานถูกขับเคลื่อนบนเครื่องลำเลียงไปตามแนวราบ สายพานจะมีแรงดึงจากการโค้งงอไปตามลูกกลิ้ง หรือ Pulley หัวและท้าย หรือบางเครื่องลำเลียงอาจจะมีลูกกลิ้งกลางซัพพอร์ต แรงดึงจากการพับงอนี้ ผ้าใบแบบ Monofilament จะตอบโจทย์มากที่สุด เนื่องจากผ้าใบชนิดนี้เส้นใยจะถูกถักทอไปในทิศทางแนวเดียว ผ้าใบจำเป็นต้องดูดซับแรงตามแนวของสายพานที่ถูกคดงอตามการวางแนวของลูกกลิ้งและไม่สามารถทน Tension ในทิศทางตรงกันข้ามได้ อาจจะทำให้สายพานเกิดลอนคลื่นตามแนวขวาง ข้อดีคือผ้าใบจะมีความแข็งแรงและมั่นคงสูง ผ้าใบชนิดนี้จึงเหมาะสมในการใช้บนเครื่องลำเลียงแบบเรียบ (Flat support application)

ผ้าใบอีกประเภทหนึ่งคือ Multifilament เหมาะกับการใช้งานกับเครื่องลำเลียงแบบราง (Trough support application) ที่มีลักษณะเป็นแอ่ง สายพานจะมีการคดงอเป็นครึ่งวงกลม หรือแบบ Curved Belt ผ้าใบประเภทนี้เส้นใยสองเส้นจะถูกถักทอสานเข้าด้วยกันเป็นลักษณะสองทิศทางแนวยาวและแนวขวาง จึงรองรับการใช้งานกับเครื่องลำเลียงที่สายพานจำเป็นต้องดูดซับ Tension จากสองทิศทาง ข้อดีคือผ้าใบชนิดนี้จะมีความยืดหยุ่นที่สูงกว่า สามารถพับงอได้หลากหลายทิศทาง

ข้อควรรู้เกี่ยวกับชั้นล่าง

นอกจากการเลือกชนิดของผ้าใบแล้ว ส่วนของชั้นล่างสุดของสายพานผ้าใบก็มีความสำคัญเช่นกัน ชั้นล่างที่ดีจะช่วยป้องกันไม่ให้สายพานลื่นไถล ซึ่งอาจทำให้สายพานและอุปกรณ์ที่วางบนสายพานอยู่เสียหายได้ วัสดุชั้นล่างที่ได้รับความนิยมคือเทอร์โมพลาสติกอย่าง PVC และ PU หรือยาง ซึ่งให้การยึดเกาะและการยึดเกาะที่ดีเยี่ยม และหากเครื่องลำเลียงมีลักษณะเป็นแผ่นโลหะเรียบ ชั้นล่างที่นิยมจะเป็นผ้าใบ เนื่องจากพื้นที่ผิวสัมผัสที่เยอะของแผ่นโลหะ สายพานจำเป็นต้องลดแรงเสียดทานหรือการยึดเกาะบนพื้นผิว

จากเนื้อหาข้างต้น ประเภทของผ้าใบที่ใช้ในสายพานลำเลียง จำนวนชั้น และวัสดุชั้นล่าง มีบทบาทสำคัญต่อประสิทธิภาพ ความทนทาน และประสิทธิผลของสายพาน ควรพิจารณาอย่างรอบคอบในการเลือกวัสดุที่เหมาะสมเพื่อให้แน่ใจว่าสายพานลำเลียงทำงานได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ ลดเวลาหยุดทำงานและค่าบำรุงรักษาในขณะที่ปรับปรุงประสิทธิภาพ